Key pair:chawish-oracle-test.pem Name & Tags:chawish-oracle-test Amazon Machine Image (AMI):Microsoft Windows Server 2019 Base Instance Type:t3a.medium Security Group:chawish-oracle-test Description:chawish-oracle-test Inbound security groups rules:Type: ssh ▼| Source type: My IP ▼| Source:xxx.xxx.x.xxx/32 ✕
เมื่อทำตามขั้นตอนแล้ว เราก็จะได้ Window server มาใช้งาน ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นเรื่องของการเตรียมพร้อมใช้งาน RDS และเชื่อมต่อเข้ากับ EC2
สร้าง Security Group สำหรับเชื่อมต่อ RDS
ขั้นตอนแรกให้เราไปที่ EC2 และสังเกตแถบเมนูด้านซ้ายมองหาหัวข้อที่ชื่อว่า Security groups และคลิ้กเข้าไป
หลังจากนั้นให้กดปุ่ม Create sucurity group
กำหนดชื่อ Security group
และทำการกำหนดชื่อ Sucurity group ของเราให้เชื่อมโยงกับสิ่งที่เราต้องการจะทำต่อไปนี้ โดยในตัวอย่างผมจะตั้งชื่อว่า chawish-oracle-test-db เป็นการบอกว่านี้คือ Security group ของ RDS ที่ใช้งาน Oracle
โดยในหัวข้อนี้เราจะทำการแก้ไขเพียงแค่จุดเดียวคือการกำหนด Security group ที่เราสร้างไปก่อนหน้านี้มาใข้งานกับ RDS โดยให้เราสังเกตในส่วนของ Existing VPC security groups ซึ่งตอนเริ่มต้นจะมีค่า default มาให้เราอยู่แล้วให้เรากดเครื่องหมาย x ลบค่า deafault ออกไปและเลือกเป็นชื่อ security group ที่เราสร้างแทนดังรูป
การติดตั้ง Oracle Database 19c Client ใน Window server
ที่นี้เราจะมาทำการติดตั้ง Oracle Database 19c Client ใน Window server ของเรานะครับโดยขั้นตอนแรกให้เรา connect ไปยัง Window server ของเราก่อนโดยการทำตามขั้นตอนตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ การเชื่อมต่อกับ Instance เพื่อเข้าใช้งาน Windows ผ่านไฟล์ RDP เมื่อเราเข้ามาในหน้า Window ได้แล้วให้เราดาวน์โหลดโปรแกรม Oracle client มาติดตั้ง
ดาวน์โหลด Oracle Database 19c Client
ให้เราเปิด Internet explorer ขึ้นมาและใส่ลิ้งค์นี้ลงไป Oracle Database แต่ในช่วงแรกที่เราเข้าเว็บไซต์นี้จะมี Pop up แจ้งเตือนมาเกี่ยวกับบาง content ที่ถูก Internet Explorer บล็อคใฟ้เราทำการกดปุ่ม Add ไปเรื่อยๆจนกว่า Pop up นั้นจะหมดไป
จากนั้นให้เราเลื่อนลงมาชนถึงหัวข้อ Oracle Database 19c Client (19.3) for Microsoft Windows x64 (64-bit) และดาวน์โหลดไฟล์ที่ชื่อ WINDOWS.X64_193000_client_home.zip
ในการดาวน์โหลดไฟล์เราจำเป็นที่จะต้อง Log in ใน Oracle เมื่อเรา Log in เสร็จก็จะเห็นหน้าต่างนี้แสดงผลออกมา ให้เราติ้กยอมรับข้อตกลงและกดปุ่มดาวน์โหลดได้เลย
ให้เราเลือกเป็น Use Windows Built-in Account และกด Next ไปขั้นตอนถัดไปได้เลย ซึ่งขั้นตอนถัดไปจะเป็นเลือกที่อยู่ในการจัดเก็บ Database โดยขั้นตอนนี้เราสามารถใช้ค่าพื้นฐานได้โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้กด Next และตามด้วย Yes ไปได้เลย
เป็นขั้นตอนที่เราจะตั้งค่า Configuration เซิร์ฟเวอร์เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับ RDS for Oracle ได้ โดยให้เราไปที่ Start เมนูและค้นหาโปรแกรมที่ชื่อว่า Net Configuration Assistantและเปิดโปรแกรมนั้นขึ้นมา
ให้เราเลือกเป็น Local Net Service Name configuration ตามรูปด้านล่างนะครับ และกด Next ได้เลย
ในส่วนของหน้าถัดไปไม่ต้องเปลี่ยนแปลงค่าอะไรนะครับให้กด Next ไปได้เลยครับ
ต่อไปให้เราใส่ชื่อ Service name ลงไปโดยชื่อนี้จะต้องตรงกับชื่อ initial database name ที่เราตั้งใน RDS ก่อนหน้านี้นะครับ ไม่งั้นจะไม่สามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลได้ และในหน้าถัดไปจะให้เราเลือกว่าต้องการจะติดต่อฐานข้อมูลในรูปแบบไหนให้เราเลือกเป็น TCP นะครับตามรูปตัวอย่างและกด Next ได้เลย
พอมาถึงหน้าถัดไปนะครับ หน้านี้จะเป็นที่ให้เราทำการกรอก Host name หรือเซิร์ฟเวอร์ RDS ของเรานั้นเองโดยหาได้จากข้อมูล Endpoint ที่แสดงอยู่ใน DB บนเซอร์วิส RDS
ให้ทำการ Copy แล้วนำมาใส่ในช่อง Hostname นะครับก็จะได้ภาพแบบนี้และในส่วนของ Port สามารถใช้ค่าเดิมได้ไม่่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงอะไรครับ ให้กด Next ไปได้เลย
ในสเต็ปต่อไประบบจะถามเกี่ยวกับการทดสอบการเชื่อมต่อ ว่าต้องการให้มีการทดสอบการเชื่อมต่อก่อนจะใช้งานฐานข้อมูลจริงหรือไม่ ? ในส่วนนี้ให้เราเลือกเป็น Yes, Perform a testตามรูปและกด Next ไปขั้นตอนถัดไป
ถ้าเชื่อมต่อสำเร็จ ระบบก็จะแสดงข้อความมาดังนี้ ก็ให้เรากด Next ไปส่วนต่อไปได้เลย
จากนั้นระบบจะให้เรากำหนดชื่อ Net Service ก็ให้ใส่เป็นชื่อเดียวกันกับ Service name ได้เลยครับ
และก็มาถึงส่วนสุดท้ายกันแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ระบบจะถามเราว่าต้องการจะทำการตั้งค่า Service อื่นๆ หรือไม่ ? ก็ให้เราตอบ No และกด Next ได้เลย
ตอนนี้ระบบก็จะแสดงว่าเราได้ทำการตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กด Next ได้เลย
พอมาถึงหน้าสุดท้ายให้เราเลือกหัวข้อ Local Net Service Name configuration และกด Finish เพื่อบันทึกการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ได้เลย พอเสร็จส่วนนี้แล้วก็มาถึงส่วนที่เราจะต้องทดสอบการใช้งานและการเชื่อมต่อระบบแล้วว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่